Tuesday, January 12, 2010

ไข้หวัดใหญ่ 2009 ในฤดูใบไม้ร่วง

ไข้หวัดใหญ่ 2009 ในฤดูใบไม้ร่วง

งาน วิจัยจากกรุงลอนดอนเผยว่าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง จะมีผู้ป่วยโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเกิดจากการได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009

นักวิทยาศาสตร์ศึกษาอัตราการเสียชีวิตที่เกิดจากโรคหัวใจ ในระหว่างที่เชื้อไข้หวัดกำลังแพร่ระบาดในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา พบว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคหัวใจจะพุ่งสูงขึ้นในเวลากันเดียวกัน กับการเพิ่มสูงขึ้นของผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ และคาดว่าในฤดูใบไม้ร่วงจะพบการระบาดหนักของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 และนั่นจะส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจมีเพิ่มมากขึ้น

การ วิจัยครั้งนี้ได้ทำการศึกษาย้อนกลับไปจนถึงปี 2475 เกี่ยวกับหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่สามารถกระตุ้นให้เกิดโรค หัวใจ นักวิจัยพบความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันระหว่างอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย โรคไข้หวัดใหญ่กับผู้ป่วยโรคหัวใจ และยังพบว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคหัวใจจะมีเพิ่มขึ้น 35-50% ที่เกิดจากการได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วย โรคหัวใจและโรคอื่นๆ เช่น โรคเบาหวานปะมาณ 2.5 ล้านคน ต่างได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ นักวิจัยกล่าวว่าแม้การลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจนั้นจะทำได้หลายวิธี เช่น งดสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนัก แต่การได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามและละเลย

ข่าวจาก MailOnline

: กาย
: ข่าว
: สุขภาพดี
พรรณภัทร 28 ก.ย. 2552 29 ก.ย. 2552

Sunday, January 10, 2010

โยเกิร์ต : อาหารดีมีคุณค่า โยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากการนำนมไปหมักกับเชื้อจุลินทรีย์ จนกระทั่งแลกโทสซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติในนม เปลี่ยนเป็นกรดแ

โยเกิร์ต : อาหารดีมีคุณค่า

โยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากการนำนมไปหมักกับเชื้อจุลินทรีย์ จนกระทั่งแลกโทสซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติในนม เปลี่ยนเป็นกรดแลกติก และนมเปลี่ยนสภาพจากเดิม เป็นลักษณะข้นเหนียว เป็นลิ่มคล้ายคัสตาร์หรือเต้าฮวย มีเนื้อสัมผัสแบบเจล และมีรสเปรี้ยวเฉพาะตัว

โยเกิร์ตมีมานานราว4,500 ปีมาแล้ว แหล่งกำเนิดคือกลุ่มประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่าน ต่อมาได้ไปนิยมแพร่หลายในแถบยุโรปตะวันออกและยุโยปกลาง สันนิษฐานกันว่าพบครั้งแรกจากการขนส่งนมซึ่งบรรจุในภาชนะที่ทำจากหนังแพะ ซึ่งจะเกิดการหมักขึ้นเนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ที่มีในหนังแพะ ทำให้นมเปลี่ยนสภาพเป็นข้นเหนียวและมีรสเปรี้ยว

จากการค้นพบของ นักประวัติศาสตร์ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า โยเกิร์ตเป็นอาหารของชนเผ่าทราเซียน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษเก่าแก่ที่สุดของชาวบัลกาเรีย ชนเผ่าทราเซียนมีความชำนาญในการเลี้ยงแกะ คำว่า Yog ในภาษาทราเซียน แปลว่า หนาหรือข้น ส่วน คำว่า urt แปลว่า น้ำนม คำว่า Yogurt หรือ Yoghurt น่าจะมาจาก คำสองคำนี้รวมกัน ในยุคโบราณราวศตวรรษที่4 ถึง ศตวรรษที่6 ก่อนคริสตกาล ชาวทราเซียนมีวิธีการเก็บรักษาน้ำนมไว้ในถุงที่ทำจากหนังแกะ โดยมักนิยมคาดไว้ที่เอว เชื้อจุลินทรีย์ที่มีในหนังแกะ เมื่อได้รับความอบอุ่นจากร่างกายจะเป็นตัวช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการหมักขึ้น มา เป็นผลให้น้ำนมในถุงเปลี่ยนสภาพกลายเป็นโยเกิร์ต

นอกจากนี้ โยเกิร์ตเป็น ชื่อที่ชาวตุรกีใช้เรียกนมวัว นมแพะ นมแกะหรือนมควาย ซึ่งผ่านการหมักโดยเชื้อแบคทีเรีย เกิดเป็นกรดแลกติก สำหรับชื่ออื่นที่หมายถึงโยเกิร์ตก็มีแตกต่างกันไปในประเทศต่าง ๆ เช่น ชาวคอเคซัล เรียกว่า metzon และ katyk ชาวกรีกเรียกว่า tiaouriti ชาวอิยิปต์ เรียกว่า laban ชาวบัลการเรีย เรียกว่า naja ชาวอิตาเลียน เรียกว่า gioddue ชาวอินเดีย เรียกว่า dahi เป็นต้น

ผู้ที่ทำ การศึกษาเกี่ยวกับโยเกิร์ตเป็นคนแรกคือ ชาวรัสเซีย ซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยของ หลุยส์ ปลาสเตอร์ชื่อว่า Mr. Metchnikoff โดยเขาได้วิจัยพบว่า โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของเชื้อแบคทีเรียสองชนิด คือ Streptococcus thermophillusและ Thermobacterium bulgaricum

โยเกิร์ตสามารถแบ่งได้หลายชนิด ดังนี้

  1. แบ่งตามกรรมวิธีการผลิต ได้แก่
  • โยเกิร์ตชนิดคงตัว (set yoghurt) ซึ่งผลิตโดยเพาะเชื้อจุลินทรีย์ในนม แล้วบรรจุในภาชนะบ่ม จนกระทั่งมีลักษณะแข็งเป็นก้อน
  • โยเกิร์ต ชนิดคน (stirred yoghurt) ใช้วิธีเติมเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำนม แล้วนำไปบ่มถังหมัก เมสื่อพบว่ามีการแข็งตัวเป็นก้อน จึงนำไปปั่น เพื่อทำลายโครงสร้างตะกอนนม ต่อจากนั้นจึงบรรจุภาชนะ

2. แบ่งตามลักษณะกลิ่นรส ได้แก่

  • โยเกิร์ตชนิดธรรมดา (plain yoghurt)
  • โยเกิร์ตที่ปรุงแต่งด้วยผลไม้ (fruit yoghurt) มีการเติมผลไม้ต่างๆลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ
  • โยเกิร์ตที่ปรุงแต่งด้วยสารสังเคราะห์ต่างๆ (flavoured yoghurt) เพื่อให้มีกลิ่นรส

ต่างๆ

ซึ่งโยเกิร์ตทั้งสามกลุ่มนี้อาจมีกรรมวิธีผลิตเป็นแบบชนิดคงตัวหรือแบบชนิดคน ก็ได้

โยเกิร์ต และนมเปรี้ยวมีกรรมวิธีการผลิตเหมือนกัน ต่างกันตรงลักษณะของผลิตภัณฑ์ คือถ้าเป็นชนิดครีม จะเรียกว่า โยเกิร์ต ถ้าเป็นของเหลวชนิดพร้อมดื่ม ก นมเปรี้ยว

โยเกิร์ตประกอบด้วยเชื้อจุลินทรีย์หลายล้านตัว ซึ่งเป็นชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือที่รู้จักกันในนามของโพรไบโอติก (probiotics) เป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและเมื่อรับประทานอาหารที่มีเชื้อจุลินทรีย์ชนิด นี้แล้วจะก่อให้เกิดผลดีต่อร่างกาย เนื่องจากสามารถทำให้มีการปรับจำนวนจุลินทรีย์ที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารจน อยู่ในสภาพสมดุลย์ ปกติจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร มีประมาณ 400-500 ชนิดและมีปริมาณรวมกันประมาณร้อยล้านล้านตัว โดยในกระเพาะอาหารซึ่งมีสภาวะเป็นกรดจะมีน้อยกว่าในลำไส้ ในลำไส้เล็กปริมาณจุลินทรีย์เพิ่มจนเป็นหมื่นล้านตัว และเมื่อไปถึงลำไส้ใหญ่ปริมาณจุลินทรีย์เพิ่มมากถึงล้านล้านตัว จุลินทรีย์ชนิดนี้ได้แก่ แบคทีรอยเดส ไบฟิโดแบคทีเรีย คลอสทริเดีย และที่มีมากที่สุด คือ แลกโตแบซิลลัส ซึ่งเป็นจุลินทรีย์สุขภาพ สามารถป้องกันโรคติดเชื้อ เนื่องจากจุลินทรีย์กลุ่มนี้จะสร้างกรดอะซิติกและกรดแลกติก ทำให้เกิดสภาวะเป็นกรดซึ่งเป็นผลทำให้จุลินทรีย์ที่เกิดโรค (pathogens) เช่น โรคท้องเสีย โรคติดเชื้อ ภาวะเป็นพิษต่างๆ ไม่สามารถทำงานได้และยังไปแย่งอาหารของจุลินทรีย์เหล่านั้น
ด้วย

นอก จากนี้จุลินทรีย์สุขภาพยังสร้างสารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหารที่เรารับประทานเข้าไปมีสารอาหารต่าง ๆ ซึ่งจะถูกย่อยในสภาวะแตกต่าง ถ้าเป็นโปรตีนหากถูกย่อยด้วยจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคจะเกิดเป็นสารพิษซึ่ง ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆขึ้นได้ ไขมันหากย่อยไม่หมดและถูกย่อยต่อด้วยจุลินทรีย์อื่นที่ไม่ใช่จุลินทรีย์ สุขภาพ จะทำให้เซลล์ลำไส้ถูกกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวซึ่งอาจกลายเป็นมะเร็งลำไส้ มีเพียงสารคาร์โบไฮเดรตเท่านั้นที่เมื่อผ่านไปถึงลำไส้ใหญ่ จะถูกย่อยด้วยจุลินทรีย์สุขภาพ เกิดกรดแลกติกและสารที่เกิดเป็นพลังงานแก่ลำไส้ รวมทั้งสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาด้วย

ดังนั้นคนเราจึงจำเป็นต้องมี จุลินทรีย์สุขภาพร่างกายให้มารกขึ้น เพื่อให้เกิดการหมักของโปรตีนหรือไขมันที่เหลือมาจากการย่อยในลำไส้เล็ก ปริมาณจุลินทรีย์สุขภาพต้องมีประมาณ 3,000-10,000 ล้านตัว จึงจะช่วยให้มีสุขภาพดี สำหรับโยเกิร์ต 1 ถ้วย โดยทั่วไปจะมีจุลินทรีย์ ประมาณ 3,000 ล้านตัวขึ้นไป โดยเมื่อครบเวลา 8 ชั่วโมง ปริมาณจุลินทรีย์สุขภาพก็จะลดลง และจะหมดภายใน 8 วัน

ดังนั้น จึงควรรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำ ซึ่งถ้าเราไม่รับประทานทุกวันก็ต้องรับประทานเป็นระยะๆเพื่อให้มีจุลินทรีย์ สุขภาพในปริมาณเพียงพอในการก่อให้เกิดผลดีต่อระบบทางเดินอาหาร ดังกล่าวแล้วข้างต้นกล่าวกันว่าเคล็ดลับที่ช่วยทำให้ชาวบัลกาเรียและชาว ทิเบต มีอายุยืนนับร้อยปี มีสุขภาพดี ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ก็เพราะโยเกิร์ตซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองที่รับประทานสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน โดยไปทำให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายดีขึ้น

โย เกิรต์นับว่าเป็นอาหารสุขภาพอย่างหนึ่งที่อุดมด้วยวิตามิน แคลเซียม และโปรตีน ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยแก้อาการเกรียมแดด ใช้ในการล้างเชื้อราในช่องต่างๆของร่างกายนอกจากนั้นยังใช้ในการทำความสะอาด ผิวหนัง อีกด้วย ในญี่ปุ่นมีผู้ศึกษาวิจัย พบว่า น้ำนมหมักประเภทโยเกิร์ตมีผลดีในการต่อต้านเนื้องอกซึ่งคงเป็นผลมาจากการที่ จุลินทรีย์สุขภาพไปหมักแลกโทสในนมเกิดเป็นกรดแลกติกขึ้นมา สำหรับประเทศไทยมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้นมเปรี้ยวเป็นอาหารควบคุมเฉพาะแต่ยังไม่รวมถึงโยเกิร์ต

โครงการ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ กรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีการทดสอบคุณภาพและคุณค่าโภชนาการของโยเกิร์ต (รวมทั้งนมเปรี้ยว) ผู้สนใจสามารถรับบริการได้ทุกวัน เวลา ที่ทำการ

เอกสารอ้างอิง
1. หมอพัตร,โยเกิร์ต ,นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 27 ฉบับที่ 7 เดือนสิงหาคม 2546
2. คณะอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครรินทร์,โยเกิร์ต ,หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หน้า 10
ฉบับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2542
3. Ronald S.Kirk and Ronald Sawyer,Composition and Analysis of Foods, 9THed. 1991
p.569

ผู้เขียน: ศิริบุญ พูลสวัสดิ์
โครงการวิทยาศาสตร์ชีวภาพ กรมวิทยาศาสตร์บริการ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

: กาย
: บทความ
: สุขภาพดี
จริญญา 21 ก.ย. 2552 21 ก.ย. 2552
ความคิดเห็น (2)

บอกหน่อยว่า อาหารที่ทำให้สุขภาพดีมีไรบ้าง บอกหน่อย

เบส (117.47.182.82) 16 พฤศจิกายน 2552 - 20:31 (#507)

ทำให้ร่างกายเเขงเเรง

เพนกวิน (118.172.248.36) 22 พฤศจิกายน 2552 - 19:52 (#536)

Saturday, January 9, 2010

ชีวิตแต่งงานมีค่ามากขึ้น ในยามผู้ชายเจ็บป่วย

ชีวิตแต่งงานมีค่ามากขึ้น ในยามผู้ชายเจ็บป่วย

ผู้ชายมักจะให้ความสำคัญกับการแต่งงานต่อเมื่อพวกเขาอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตการทำงาน หรือ ในยามที่พวกเขาป่วยหนัก

นัก วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจ วิถีการทำงาน และรายได้ที่ได้รับของชาวแคนาดา พบว่า ผู้มีรายได้หลักมักจะเป็นสามี และ รายได้นี้มักจะกลายเป็นรายได้สำรอง โดบเก็บไว้ที่ภรรยา และรายได้รองนี้จะถูกนำมาจ่ายก้ต่อเมื่อ สามีไม่สามารถหาเงินได้ หรือ ในภาวะที่ฝ่ายชายเจ็บป่วย

จิโอแวนนี่ กาลิโพลิ จากมหาวิทยาลัยบริทิชโคลัมเบีย และ ลอร์ร่า เทอร์เนอร์ จากมหาวทิยาลัยโตรอนโต พบว่า เงินสำรอง หรือ เงินประกัน กลายเป็นรายได้หลัก ที่มีความสำคัญของชีวิตแต่งงาน ในยามที่สามีไม่สามารถหารายได้ได้

ผลที่ตามมาคือ การแต่งงานจะยั่งยืนมากขึ้น และความไม่มั่นคงก็ถูกกำจัดไป กล่าวคือ ความเสี่ยงของการหย่าร้างลดลง เมื่อฝ่ายชายมีสุขภาพดีขึ้น และครอบครัวมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยลดการหย่าร้างลงได้ในทุก ๆ ช่วงของชีวิตแต่งงาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่มีความเสี่ยงด้านปัญหาสุขภาพ มักจะให้ความสำคัญกับการแต่งงานเร็วขึ้น เมื่อพวกเขายังไม่มีรายได้มากนัก และในช่วงชีวิตการแต่งงาน พวกเขาจะพยายามหารายได้เพื่อให้ร่ำรวยมากขึ้น แต่เมื่อรายได้มีมากขึ้น พวกเขาก็มักจะหาเรื่องเพื่อการหย่าร้างตามมา ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นช่วงวิกฤติของชีวิตแต่งงานก็ว่าได้

ที่มา UPI

: สังคม
: ข่าว
: มุมมองดี
อัมพวรรณ 29 ธ.ค. 2552 29 ธ.ค. 2552

Friday, January 8, 2010

หยุดทำงาน เพราะอาการปวดกล้ามเนื้อ

หยุดทำงาน เพราะอาการปวดกล้ามเนื้อ

งาน วิจัยจากประเทศอังกฤษแสดงให้เห็นว่าอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อทำให้ ประชากรวัยทำงานชาวยุโรปกว่าครึ่งหนึ่งต้องลางาน และจำนวน 2 ใน 3 ต้องหยุดทำงานถาวรเนื่องจากอาการเหล่านั้น

ปัจจุบันพบว่าชาว ยุโรปที่ประสบกับอาการปวดกล้ามเนื้อมีประมาณ 100 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในวัยทำงานมากกว่า 40 ล้านคน ซึ่งจำนวน 40% ของคนเหล่านั้นต้องหยุดการทำงานเพราะอาการปวดกล้ามเนื้อ และพบว่าจำนวนค่ารักษาอาการดังกล่าวของประเทศในยุโรปมีเพิ่มสูงขึ้นถึง 240 พันล้านยูโร

อาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อถือเป็นเรื่องสำคัญที่ ส่งผลกระทบระบบแรงงานในยุโรป ในขณะที่กำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ของโลก

นักวิจัยกล่าวว่าความสำคัญของงานวิจัยชิ้นนี้คือสิ่ง ที่สมาคมการค้าเคยเรียกร้องมาเป็นระยะเวลาหลายปี ถึงสิทธิ์ในการบำบัดรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดหลังของประชาชนวัยทำงาน

ใน ประเทศอังกฤษมีคนทำงานเพียง 2% ที่ได้รับบริการด้านสุขภาพอย่างครอบคลุมจากผู้ว่าจ้างและประชาชนส่วนใหญ่จะ ต้องได้รับการรับรองจากแพทย์เกี่ยวกับอาการดังกล่าวก่อนจะหยุดงานเพื่อทำการ รักษา ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวอาจต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน ทำให้อาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อพัฒนาและรุนแรงขึ้น

ข่าวจาก MailOnline

: กาย
: ข่าว
: สุขภาพดี
พรรณภัทร 30 ก.ย. 2552 01 ต.ค. 2552

Thursday, January 7, 2010

ลดความดันโลหิต ด้วยกีฬากำหนดลมหายใจ

ลดความดันโลหิต ด้วยกีฬากำหนดลมหายใจ

คน เราหลีกเลี่ยงการมีอายุเพิ่มขึ้นไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะไม่เพิ่มความเสี่ยงได้โดยการควบคุมโรคที่มีอยู่เดิมให้ดี ขึ้น การเกิดโรคเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเราอายุสั้น และต้องจบชีวิตลงก่อนถึงเวลาอันควร การดูแลสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญและเอาใจใส่ การเล่นกีฬาและการออกกำลังกายเป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ เหมาะสมได้

กีฬาและการออกกำลังกายประเภทที่ต้องกำหนดลมหายใจไป ด้วย อย่างเช่น โยคะ ไทเก๊ก พีลาทีส ฯลฯ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากทำให้รูปร่างดีขึ้นแล้ว จิตใจยังสงบลงด้วย

ข้อดีของกีฬากำหนดลมหายใจ
ใน การเล่นกีฬาทั่วไป การหายใจจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ไม่รู้สึกตัวขณะที่กีฬาที่ต้องกำหนดลมหายใจ ผู้เล่นจะรับรู้การหายใจเข้า-ออกไปจนถึงการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้ออย่างจด จ่ออยู่ตลอดเวลา

หลักการสำคัญคือ หายใจเข้าขณะที่ร่างกายหรือกล้ามเนื้อยืดออก และหายใจออกขณะที่กล้ามเนื้อหดเข้า เทคนิคการหายใจแบบนี้สัมพันธ์กันระหว่างกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนเลือด นั่นคือ เมื่อหายใจเข้ารับออกซิเยนเข้าสู่ปอด และส่งต่อไปกับเส้นเลือก กล้ามเนื้อที่ยืดออกพอดีทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ส่งออกซิเจนให้เซลล์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้นก็รับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์เพื่อนำกลับมาขับออกจากร่าง กายผ่านทอกปอด จึงพอดีกับที่ขยับร่างกายในท่าหดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อจะบีบเส้นเลือดและไล่เลือดให้ไหลกลับมาสู่ปอดและหัวใจ พร้อมกับหายใจออกและนำคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากปอดไป นอกจากนี้การกำหนดลม
หายใจพร้อมกับเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเหมาะสมยังช่วยปรับความดันโลหิตได้ด้วย

ปัจจัยก่อความดันสูง
ความ ดันโลหิตคือความดันในหลอดเลือดแดง แรงดันจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น แรงบีบของหัวใจ ความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือด แรงต้านหรือความดันย้อนกลับที่เกิดขึ้น (เช่น ร่างกายมีของเหลวมากหรือมีน้ำหนักตัวมาก) แรงบีบของกล้ามเนื้อที่บีบลงบนเส้นเลือดขนาดเล็ก ความข้นของเลือด ปริมาณของเลือดทั้งหมด รวมถึงสุขภาพโดยทั่วไปของแต่ละคน การทำงานของไตและตับ แรงบีบและประสิทธิภาพการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและระบบการหายใจของร่างกาย ด้วย

สาเหตุที่ทำให้ความดันสูงมาจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยทางกาย และปัจจัยทางอารมณ์ ได้แก่ ความเครียด ความโกรธ ความเศร้า ส่วนปัจจัยทางร่างกาย ได้แก่ การออกกำลังกายไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล (เช่น อาหารที่ไม่ไขมันสูง แต่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่ำ) การสูบบุหรี่ การนอนหลับพักผ่านน้อย แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเพียง 2 ปัจจัย นั้นคือ ปัจจัยทางอาการณ์
และการออกกำลังกายไม่เพียงพอ

ปัจจัย ทางอารมณ์ เมื่อเกิดความเครียด ความโกรธ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลินออกมา ทำให้ผนังเส้นเลือดหดตัวเพื่อส่งเลือดที่มีออกซิเจนมากไปที่กล้ามเนื้อและ สมองอย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าหากคุณเครียดหรือเกิดอารมณ์โกรธเคืองเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะความดันโลหิตสูงอย่างถาวรได้

ส่วนการไม่ ออกกำลังกาย นั้นเกี่ยวข้องกับความดันโลหิต คือระบบการไหลเวียนเลือดต้องอาศัยการบีบและคลายของกล้ามเนื้อทั้งตัวร่วมกับ การทำงานของหัวใจ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณทรวงอก ช่องท้องและกะบังลม

ใน สภาวะการหายใจแบบปกติ การสูดอากาศที่มีออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและส่งคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป จะทำให้เกิดแรงดันในทรวงอกและช่องท้อง ซึ่งมีผลต่อการบีบ-คลายของหัวใจเพื่อส่งเลือดด้วย ดังนั้นหากเราหายและเคลื่อนไวกล้ามเนื้อทั่วร่างกายอย่างถูกต้อง ระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือดจะทำงานได้ราบรื่นขึ้น แต่ผู้ที่ไม่ค่อยขยับเขยื้อนร่างกายหรือนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ระบบการหายใจจะไม่ได้ทำงานเต็มที่เหมือนขณะออกกำลังกาย กล้ามเนื้อทั่วร่างกายก็ไม่ค่อยได้ทำงานเต็มที่เหมือนขณะออกกำลังกาย กล้ามเนื้อทั่วร่างกายก็ไม่ค่อยได้ทำงาน นานวันเข้าความดันโลหิตจึงสูงขึ้น

ปรับความดันด้วยกีฬาฝึกลมหายใจ
การ ออกกำลังกายช้า ๆ ที่ต้องร่วมกับการฝึกหายใจ อย่างเช่น โยคะ พีลาทีส ซี่กง ไทเก๊ก มวยจีน ฯลฯ จึงให้ประโยชน์ 2 ประการ คือ ช่วยการบีบตัวของกล้ามเนื้อและกะบังลม และเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้เลือด

ประการ หลังนี้สำคัญมาก เพราะเลือดมีบทบาทเป็นตัวนำออกซิเจน ซึ่งมีผลต่อความดันโลหิตมาก ถ้าเนื้อเยื่อในร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นโดยการฉีดเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตจึงต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วยและหากเกิดในผู้ที่เส้นเลือดอุดตัน เป็นบางส่วนอยู่แล้ว ก็จะยิ่งเป็นอันตรายเพราะอาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพาต หรือหัวใจล้มเหลว

การออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกำหนด ลมหายจึงช่วยปรับความดันโลหิต เพราะช่วยลดความเครียดและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และหลอดเลือดทั่วร่างกายจะสูบฉีดเลือดได้ราบรื่นขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยลดแรง ดันในทรวงอกและช่องท้อง ทำให้หัวใจไม่ต้องทำงานหนักเกินควร เพราะไม่มีแรงดันต้านกลับจากภายใน

อย่างไรก็ตาม การควบคุมระดับความดันโลหิตก็ต้องทำร่วมกับการกินอาหารที่ดี การพักผ่อนเพียงพอ รวมถึงการผ่อนคลายความเครียด จึงจะส่งผลดีอย่างสม่ำเสมอและยั่งยืน

เรียบเรียงโดย พจณีย์ พูลเจริญ
กรมวิทยาศาสตร์บริการ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

: กาย
: บทความ
: สุขภาพดี
จริญญา 13 ต.ค. 2552 14 ต.ค. 2552
ความคิดเห็น (1)

ซี่กง น่าสนแฮะ ส่วนโยคะ ถ้าไปเล่นที่ฟิตเนสนั้นเราว่าแพงน่ะ แต่พอเล่นที่บ้านคนเดียวไม่มีคนสอนก็ไม่สนุกอีก เง้อ

แอม (117.47.183.45) 17 พฤศจิกายน 2552 - 00:28 (#509)

Wednesday, January 6, 2010

มะเร็งต่อมลูกหมาก ตรวจไว้ดีกว่าแก้

มะเร็งต่อมลูกหมาก ตรวจไว้ดีกว่าแก้

ผลงานวิจัยจากสรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้รับคำแนะนำถึงข้อดีของการเข้าตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

ขณะ ที่แพทย์หลายท่านต่างเห็นว่าความรู้ความเข้าใจถึงข้อดีจากการตรวจวินิจฉัย โรคมะเร็งและการรับรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่จำนวนผู้ชายที่ได้รับคำแนะนำหรือได้รับการปรึษาจากแพทย์เกี่ยวกับมะเร็ง ต่อมลูกหมากมีเพียง 69.9%

จากการสำรวจผู้ที่ได้รับคำแนะนำและ คำปรึกษาจากแพทย์พบว่า 71% ได้รับคำแนะถึงข้อดีของการตรวจโรคมะเร็งตั้งแน่เนิ่นๆ และจำนวน 32% ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเข้ารับการรักษาที่ช้าเกินไป

นัก วิจัยกล่าวว่าผู้ป่วยบางรายอาจสังเกตอาการได้ด้วยตนเอง แต่การเข้ารับการตรวจจะทำให้ทราบผลที่แม่นยำได้เร็วขึ้น แพทย์จึงควรให้คำแนะนำถึงข้อดีของการเข้ารับการตรวจโรคมะเร็งต่อมลูกหมากกับ ผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เพราะการเข้ารับการตรวจหามะเร็งและเข้ารับการรักษาย่อมดีกว่าไม่ได้ทำอะไร เลย

ปัจจุบันโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคมะเร็งอันดับสองใน ผู้ชายรองจากโรคมะเร็งปอด ซึ่งโรคมะเร็งต่อมลูกหมากนั้นคร่าชีวิตคนไปประมาณ 254,000 ต่อปี

สำนักข่าว REUTERS

: กาย
: ข่าว
: สุขภาพดี
พรรณภัทร 29 ก.ย. 2552 30 ก.ย. 2552

ข้อดีของการออกกำลังกายตอนเช้า

ข้อดีของการออกกำลังกายตอนเช้า

คนส่วนใหญ่มักคิดที่จะออกกำลังกายในช่วงเย็นหลังเลิกงาน แต่รู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายตอนเช้าอาจมีข้อดีกว่าเป็นไหน ๆ วันนี้ Health24 นำข้อดีของการออกกำลังกายตอนเช้ามารายงานให้ทราบ

  1. ช่วย ให้กระบวนการเผลาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงบางครั้ง อาจยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งนั่นหมายถึงการเผลาผลาญปริมาณแคลอรี่ที่มากขึ้นกว่าเดิมตลอดทั้งวัน
  2. คนส่วนใหญ่พบว่าการออกกำลังกายตอนเช้า จะทำให้เกิดการควบคุมการผลิตน้ำย่อยส่งผลให้สามารถควบคุมความหิวได้
  3. การออกกำลังกายตอนเช้าจะทำให้คุณรู้สึกมีพลังในการทำงานหรือสิ่งต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน
  4. 90% ของผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คือผู้ที่ออกกำลังกายตอนเช้าจนติดเป็นนิสัย
  5. การออกกำลังกายตอนเช้าทุกวัน จะทำให้คุณเป็นคนตื่นเช้าเป็นประจำ ส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  6. เมื่อ คุณตื่นแต่เช้าเป็นประจำ ร่างกายจะเกิดการปรับตัวให้คุณนั่นตื่นเช้าได้ง่ายขึ้นในทุกวัน แตกต่างจากการตื่นนอนแบบไม่เป็นเวลา นอกจากนี้ยังส่งผลให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้นในช่วงเวลาของการนอนหลับ อีกด้วย
  7. แม้ในแต่ละวันคุณจะมีภารกิจที่ต้องทำมากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นจะไม่กระทบการมีสุขภาพที่ดีของคุณ เพราะคุณได้ออกกำลังกายแล้วในตอนเช้า
  8. การ ออกกำลังกายตอนเช้าจะทำให้คุณมีเวลาอยู่กับตัวเอง และได้ดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ ช่วงเวลานั้นคุณอาจะได้ได้คิดทบทวนเกี่ยวกับชีวิตคุณ และเป็นเวลาของการวางแผนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
  9. มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นแล้วว่าช่วงเวลา 4-10 ชั่วโมงหลังการออกกำลังกาย จะทำให้สมองแล่น ทำงานได้ประสบความสำเร็จ
  10. ความเป็นไปได้ในการออกกำลังกายตอนเช้านั้นมีสูง ส่งผลให้ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมีคุณภาพในการนอนหลับที่ดีขึ้น
: กาย
: ข่าว
: มุมมองดี
พรรณภัทร 31 ต.ค. 2552 01 พ.ย. 2552
ความคิดเห็น (1)

จะพยายามออกกำลังกายตอนเช้าครับ เพราะตอนเย็นผมคงไม่มีโอกาสแน่ๆ ครับ

ธวัชชัย 08 พฤศจิกายน 2552 - 21:11 (#458)